ลักษณะของแนวเบสในรูปแบบ chaconne จะมีการเดินลงเป็นขั้นจากตัวโทนิค (tonic) ไปหาตัวดอมิเนนท์ (dominant) ในระดับเสียงที่ยังคงอยู่ในบันไดเสียง (scale) โดยที่เสียงประสานในส่วนที่สูงจะเน้นการใช้ circle of fifth หรือรูปแบบที่แยกออกมา
Chaconne ถือ กำเนิดในประเทศสเปนช่วงปลายศตวรรษที่ 16 โดยเป็นเพลงเต้นรำของพวกทาสและชนชั้นไพร่ มีจังหวะกระฉับกระเฉง และมีเนื้อเพลงยั่วล้อเลียน บรรเลงดนตรีประกอบด้วยกีต้าร์ หรือแทมโบรีน ได้รับความนิยมอย่างมาก ต่อมาได้เผยแพร่ไปยังอิตาลี และมีรูปแบบ chord progression ที่นิยมใช้คือ I–V–vi–V ในจังหวะ ¾ (ซึ่งเริ่มใช้เมื่อในต้นศตวรรษที่ 18) บทเพลงที่ได้รับความนิยม คือ จากท่อนสุดท้ายในเพลง Violin Partita in D minor ประพันธ์โดย Johann Sebastian Bach
Chaconne มีความใกล้เคียงกับการประพันธ์เพลง Passacaglia ซึ่งมีจังหวะช้ากว่าเล็กน้อย ซึ่งGirolamo Frescobaldi นักประพันธ์เพลงชาวอิตาเลียนผู้มีชื่อเสียงในยุคปลายเรเนอซองต์ และต้นบาโรค ได้เคยประพันธ์เพลงเชิงเปรียบเทียบระหว่าง Chaconne และ Passacaglia โดยให้ Chaconne เป็นโน้ตแบบ triple beat 2 กลุ่มใน 1 ห้องซึ่งมีจังหวะการขับเคลื่อนของทำนองที่เร็วกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ Passcaglia ที่เป็น triple beat 4 กลุ่มใน 1 ห้อง และข้อแตกต่างอีกอย่างหนึ่งคือ Passacaglia จะเป็น ground bass ชุดเดิมเล่นรองรับกับ variation ส่วน Chaconne จะเป็นคอร์ดที่รองรับ variation
ช่วงหลังปี 1740 Chaconne ได้รับความนิยมกว่า Passacaglia มันถูกนำไปแต่งเพลงสำหรับเครื่องดนตรีบรรเลงเดี่ยว และ chamber music อีกด้วย หลังจากยุคบาโรคมาพบลักษณะการรูปแบบอย่าง chaconne ในงาน 32 Variations in C minor ประพันธ์โดย Beethoven รวมไปถึงของ Gluck และ Mozart ที่มีการประยุกต์ใช้บ้าง รวมถึงดนตรีในศตวรรษที่19 ที่มีการใช้ Chaconne และ Passacaglia ในเพลงแต่ไม่ได้ระบุเป็นทางการนัก แต่จะถูกเรียกเป็น oscinato variations
No comments:
Post a Comment